คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

Bye Nior 2555 @ ร้านอาหารนครคารา

วันนี้เป็นวันที่เราจะต้องตื่นมาไปงานปัจฉิมพี่ปี 5 แต่ไม่สบายเนื่องจาก แดดเมื่อวานร้อนมาก เลยตื่นไม่ไหว ดิฉันเลยไปงานเลี้ยงส่งตอนเย็น อาหารของร้านนี้อร่อยดีจริงๆ ดิฉันกินไปหลายจานเลย ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับพี่ๆด้วยนะคะ ขอให้โชคดีในเรื่องการงานและอนาคตค่ะ ดิฉันเลยเอาภาพบรรยากาศมาฝาก ^^
วันนี้หนูใส่ชุดสีเดียวกันกับอาจารย์ด้วยค่ะ ^^

เพื่อนๆสวยกันทั้งนั้นเลย อิอิ

สายระหัส พี่จ๊ะเอ๋ พี่ตุ้ม น้องอีฟ ^^

เรียบร้อยไหมค่ะ ^^

วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

กิจกรรมกีฬาสีเอกการศึกษาปฐมวัย

วันนี้ดิฉันและเพื่อนๆต่างมาร่วมกันทำกิจกรรมแข่งขันกีฬาสีของเอก โดยปีนี้ดิฉันได้อยู่สีเขียว วันนี้ดิฉันได้ลงแข่งกีฬาถึง 6 อย่าง เนื่องจากไม่มีใครอยากลงเพราะอากาศร้อน ดิฉันเลยลงไปเล่น สนุกมากๆ และก็ร้อนและได้ความดำมามากด้วยค่ะ ^^ ตอนเที่ยงของวันมีอาหารเลี้ยงด้วยคือ ข้าวไข่พะโล้ และของหวานก็คือ ไอติมกะทิกับเฉาก๊วย อร่อยมากๆค่ะ
ไอติมอร่อยเนอะ ^^

อากาศร้อนตัวดำ

ยังไหวอยู่นะ อิอิ

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สรุปงานวิจัย

งานวิจัยเรื่อง ผลของการเรียนรู้จากกิจกรรมปฏิบัติจริงที่มีต่อทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
ของ วรนุช นิลเขต มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ตุลาคม 2554
          
          การพัฒนาสติปัญญา ด้านทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์นั้น เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์  เมื่อมีการทำกิจกรรมหลายๆอย่างก็จะมีเรื่องของคณิตศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง  ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้และซึมซับความรู้อย่างไม่รู้ตัว     การที่จะให้เด็กได้เรียนรู้   ฝึกทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สามารถจัดกิจกรรมและสอดแทรกทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ไว้ในกิจกรรมนั้นๆ เพื่อส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยได้รู้จักคิดเอง  คิดให้เป็น   คิดอย่างใช้หลักการและมีเหตุผล   การที่เด็กได้มีทักษะการคิดนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่เกิดจากการเรียนรู้ จากการมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลรอบด้านและสิ่งรอบๆตัวเด็ก  ที่สำคัญเด็กจะเรียนรู้จากรูปธรรมไปนามธรรมโดยการเรียนรู้จากสื่อของจริง   การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริงผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า    และในการเล่น   สื่อสารพูดคุยของเด็กนั้นมักจะมีเรื่องคณิตศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวันเสมอ

จุดประสงค์ของการวิจัย
1.เพื่อศึกษาระดับการเปลี่ยนแปลงของทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมแบบปฏิบัติจริง
2.เพื่อเปรียบเทียบทักษะทางคณิตศาสตร์เด็กปฐมวัยก่อนและหลังการปฏิบัติกิจกรรมจริง

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย
          เป็นนักเรียนชายหญิง อายุ 4 – 5 ปี ศึกษาอยู่ในระดับชั้นปฐมวัยปีที่1 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2553 โรงเรียนวัดเลียนราษฎร์บำรุง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเลือกแบบเจาะจง 1 ห้องเรียน และทดสอบเด็กในห้อง 30 คน

การดำเนินการทดลอง
         โดยการใช้แบบทดสอบเชิงปฏิบัติทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นแล้วเลือกเด็กที่มีคะแนนทักษะทางคณิตศาสตร์ใน 20 อันดับสุดท้ายจัดเป็นกลุ่มทดลองที่เรียนรู้ด้วยกิจกรรมแบบปฏิบัติจริงเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ๆ ละ 4 วัน วันละ 30 – 45 นาที

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
          คือแผนจัดกิจกรรมแบบปฏิบัติจริงและแบบทดสอบเชิงปฏิบัติทักษะทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย การวิจัยครั้งนี้ใช้แผนการวิจัยแบบ One – group pre test – post test design สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ t – test for dependent samples

ผลของการวิจัย
          ทักษะทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยหลังได้รับการจัดกิจกรรมแบบปฏิบัติจริงมีทักษะทางคณิตศาสตร์โดยรวมอยู่ในระดับสูง จำแนกรายด้านพบว่าด้านการเปรียบเทียบอยู่ในระดับสูงมาก ส่วนด้านการหาความสัมพันธ์และด้านการรู้ค่าจำนวนตัวเลขอยู่ในระดับสูง เมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังทดลองทั้งโดยรวมและรายด้านพบว่าเด็กปฐมวัยหลังได้รับการจัดกิจกรรมแบบปฏิบัติจริงมีทักษะทางคณิตศาสตร์สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

แนวการจัดกิจกรรมแบบปฏิบัติจริง



วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

*ค้นคว้าเพิ่มเติม สื่อการสอนคณิตศาสตร์ เรื่องการจับคู่และการจัดประเภท

สื่อการสอนคณิตฯ เรื่อง การจับคู่และการจัดประเภท

เรื่อง  ดอกไม้พาเพลิน 

เหมาะสำหรับเด็กระดับอนุบาล 2
สาระสำคัญการจับคู่และการจัดประเภทเป็นสิ่งที่ควรสอนให้กับเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก เพราะเด็กทุกคนจะต้องเรียนรู้การจับคู่การจัดประเภท ซื่งการสอนโดยผ่านสื่อถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากและสำคัญต่อเด็กด้วยเพราะเด็กจะเรียนรู้ได้ดีถ้าได้ลงมือกระทำ ได้สัมผัสและได้เล่นอย่างสนุกสนาน เด็กก็จะสามารถรู้ถึงการจับคู่ การจัดหมวดหมู่ได้อย่างถูกต้องชัดเจน และเกิดการจดจำที่ดีด้วย

จุดประสงค์เพื่อฝึกให้เด็กได้เรียนรู้การจับคู่ภาพเหมือน และจัดประเภทสิ่งที่เหมือนกันเพื่อให้เด็กได้มีพัฒนาการให้ครบทั้งสี่ด้านคือ ร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญาเพื่อให้เด็กสนุกสนานและมีส่วนร่วมกับสื่ออย่างสร้างสรรค์


วิธีการทำ


อุปกรณ์
กระดาษกล่องลังนมกรรไกรกาวกระดาษสีภาพปริ้นสีรูปสัตว์ต่าง ๆไม้ไผ่กระถางโฟมกาวสองหน้า

ขั้นตอนการทำนำกระดาษลังมาตัดเป็นรูปดอกไม้  ประมาณ 12 ดอก (อาจมากกว่านั้นก็ได้ โดยต้องทำเป็นคู่)นำกระดาษสีมาตัดเป็นรูปดอกไม้เหมือนกันกับกระดาษลังนำกระดาษสีที่ตัดเสร็จแล้วมาติดกาวแล้วแปะลงบนกระดาษลังดอกไม้นำรูปภาพที่ปริ้นแล้วมาติดกาวแล้วแปะลงตรงกลางของดอกไม้ให้เป็นเหมือนเกสรอีกข้างนำตังเลขมาติดโดยแบ่งเป็นเลขไทย เลข อารบิกเพื่อจับคู่ตัวเลขส่วนด้านรูปสัตว์จะเป็นสื่อการจัดประเภทนำไม้ไผ่ที่เหลาเป็นก้านมาพันก้านจากนั้นนำไปเสียบกับกระดาษโดยทากาวยึดไว้ด้วยป้องกันการหลุดนำกระถาง 2 อันมาตั้งแล้วนำโฟมมาใส่เพื่อนนำดอกไม้มาปักลงไป โดยกระถางจะแล่งเป็นกระถางสัตว์บก และสัตว์น้ำ

ขั้นตอนการสอนครูพาเด็กร้องเพลงเกี่ยวกับสัตว์ปีก และสัตว์บก ต่างกันอย่างไรครูให้เด็กช่วยกันบอกว่าที่บ้านมีสัตว์เลี้ยงอะไรบ้าง และเด็ก รู้จักอะไรบ้างครูนำรูปดอกไม้วิเศษมาให้เด็กๆครูให้เด็ก ๆ หลับตา แล้วครูจึงเดินแจกดอกไม้ให้กับเด็ก ๆ คนละดอก แล้วให้เด็กๆบอกว่าตัวเองได้สัตว์อะไร และเลขอะไรครูให้เด้กเล่นเกมส์จับคู่ โดยให้เด็ก ๆ ดูเลขที่อยู่ในดอกไม้ว่าเป็นเลขอะไร โดยเลขจะจับคู่ระหว่าเลขไทยกับเลขอารบิกให้เด็กเดินหาคู่แล้วมายืนคู่กัน จากนั้นให้เด็กแต่ละคนบอกว่าตัวเองได้เลขอะไรครูให้เด็ก ๆ ดูดอกไม้ด้านที่เป็นรูปสัตว์แล้วนำดอำไม้มาปักลงกระถางโดยแยกเป็นสัตว์บกและสัตว์น้ำครูสรุปให้เด็กฟังว่าสัตว์บกกับสัตว์น้ำต่างกันอย่างไรบ้าง

ประโยชน์เด็ก ๆ มีความสุขสนุกสนานเด็ก ๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจับคู่และการจัดประเภทเด็ก ๆ ได้มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีการเข้าสังคมกับเพื่อน ๆเด็ก ๆ กล้าคิดกล้าตัดสินใจด้วยตัวเองเด็ก ๆ ได้ฝึกพัฒนาการอย่างครบถ้วน มีประโยชน์ต่อร่างกายสติปัญญา



วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เรียนครั้งที่16 15/02/56

ในวันนี้เป็นการเรียนการสอนในวันสุดท้าย อาจารย์ได้เปิดสือตัวอย่างของการสอนแผนให้ดูดังนี้
- แผนภูมิรสของนมที่เด็กๆชอบดื่ม
- Mind Mapping ที่มีนมเป็นส่วนประกอบ
- Mind Mapping วิธีการแปรงฟันในแบบต่างๆ
- ตารางแผนภาพออยเลอร์ เปรียบเทียบความเหมือนความต่าง ระหว่างเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย
- ตารางประโยชน์และโทษของนมเปรียบเทียบกัน
- Mind Mapping วิเคราะห์ส่วนผสมขนมครกข้าว
- ตารางสังเกตลักษณะนมชนิดต่างๆ ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5
- ผลงานของเด็กทางคณิตสาสตร์ผ่านงานศิลปะ

แผนภูมิอาหารที่มีนมเป็นส่วผสม
ตารางความชอบนมของเด็กๆ
แผนภูมิหน่วยที่ต้องเรียน
ตารางเปรียบเทียบลักษณะของนม
ตารางแสดงการสังเกตนมต่างๆ ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5
ภาพวาดแสดงรูปเรขาคณิต
สิ่่งประดิษฐ์จากสิ่งของเหลือใช้ 
ภาพวาดที่ประกอบด้วยรูปเรขาคณิต
สื่อที่ทำจากขวดเพรช
จากนั้นอาจารย์ก็ให้เพื่อนๆที่ยังไม่ได้นำเสนอแผนการสอนของตัวเอง ออกมานำเสนอโดยกลุ่มที่ออกมาเป้นกลุ่มแรกก็คือกลุ่ม หน่วยข้าว

เพื่อนกำลังสอนนับจำนวนข้าวทั้งหมด
เพื่อนกำลังสอนเรื่องลักษณะของต้นข้าว
ในการนำเสนอของกลุ่มข้าวก็ยังมีสิ่งที่ต้องปรับปรุงอยู่เล็กน้อย และอาจารย์ก็ให้คำแนะนำจนเสร็จสำเร็จไปด้วยดีและกลุ่มที่สองที่ออกมานำเสนอคือ หน่วยสับปะรด

เพื่อนกำลังสอนเรื่องชนิดของสับปะรด
เพื่อนกำลังฟังคำแนะนำของอาจารย์
จากการที่เพื่อนได้นำเสนอในหน่วยสับปะรดก็ยังมีสิ่งที่ยังต้องแก้ไขอีกเล็กน้อยและอาจารย์ก็ได้ให้คำแนะนำจนนำเสนอได้เสร็จสิ้น แต่ก็ยังมีเพื่อนๆอีกหลายกลุ่มที่ยังไม่ได้นำเสนอ อาจารย์เลยบอกให้เขียนแผนโดยละเอียดเหมือนการสอนจริงมาส่งในวันสอบปลายภาค

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เรียนครั้งที่15 08/02/56

วันนี้อาจารย์ให้นำ Mind Mapping มาตรฐานคณิตศาสตร์งานเดี่ยวของตนเองมาส่ง และได้ให้นักเรียนออกมาสอบสอนเดี่ยวในหน่วยและแผนของตนเอง ซึ่งกลุ่มของดิฉันเป็นเรื่องหน่วยไข่ ได้ออกไปนำเสนอเป็นกลุ่มแรก โดยที่ดิฉันนำเสนอเป็นคนแรกเป็นแผนของวันจันทร์ เรื่อง ชนิดของไข่ มีแผนการจัดประสบการณ์ดังนี้
แผนจัดประสบการณ์ของดิฉัน หน่วยไข่ เรื่อง ชนิดของไข่ สอนวันจันทร์
ดิฉันกำลังเริ่มนำเสนอ
เด็กๆช่วยกันนับไข่ทั้งหมดซิค่ะว่ามีกี่ฟอง
ในการนำเสนอครั้งนี้ได้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นด้วยคือกลุ่มของดิฉันเข้าใจผิดว่าสอนแค่แผนเดียว แต่ความจริงต้องสอนทั้งหทด 5 แผน แต่อาจารย์ก็ได้ให้โอกาสออกมาแก้ไขงานให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ โดยได้คำแนะนำดีๆจากอาจารย์ และอาจารย์ก็ให้กำลังใจบอกว่าไม่ต้องเครียดว่าตัวเองจะทำได้ไม่ดี เราออกมาเป็นกลุ่มแรกๆ ผิดก็จะได้เป็นครูให้กับเพื่อนๆ ^^ โดยสอนตามวันดังนี้
วันจันทร์        สอนเรื่อง ชนิดของไข่
วันอังคาร      สอนเรื่อง ลักษณะของไข่
วันพุธ            สอนเรื่อง ประโยชน์และสารอาหารของไข่
วันพฤหัสบดี  สอนเรื่อง การประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับไข่
วันศุกร์           สอนเรื่อง การประกอบอาหาร (ไข่เค็ม)

จากนั้นเพื่อนกลุ่มที่สองก็ได้ออกมานำเสนอต่อจากกลุ่มของดิฉัน คือ หน่วยผลไม้

วันจันทร์ ชนิดผลไม้
เพื่อนกำลังทำการสาธิต เรื่องชนิดของผลไม้
สำหรับกลุ่มของเพื่อนๆก็ยังมีข้อบกพร่องอยู๋บ้างในการนำเสนอครั้งนี้ แต่อาจารย์ก็ได้ให้คำแนะนำและบอกขั้นตอนการสอนที่ถูกต้องให้ฟังจนผ่านพ้นไปได้ด้วยดีโดยแผนของเพื่อนสอนตามวันดังนี้
วันจันทร์        สอนเรื่อง ชนิดของผลไม้
วันอังคาร      สอนเรื่อง ลักษณะของผลไม้
วันพุธ           สอนเรื่อง ประโยชน์ของผลไม้
วันพฤหัสบดี สอนเรื่อง การถนอมอาหาร
วันศุกร์          สอนเรื่อง การขยายพันธุ์ ( แต่อาจารย์แนะนำว่าในเรื่องนี้อาจจะยังไม่เหมาะสมกับเด็กเท่าไร เป็นเรื่องที่ยากเกินไป )

สรุปการสอบสอนในวันนี้ได้นำเสนอเพียงแค่ 2 กลุ่ม คื่อ หน่วยไข่ และหน่วยผลไม้ หลังจากที่ทั้งสองกลุ่มได้นำเสนอเสร็จอาจารย์ก็ได้สรุปการนำเสนอในวันนี้เพื่อเป็นแนวทางให้กับเพื่อนที่จะนำเสนอในครั้งต่อไป

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เรียนครั้งที่14 01/02/56

วันนี้ไม่มีการเรียนการสอน แต่อาจารย์ได้สั่งให้เตรียมตัวในการนำเสนอแผนการสอนที่ได้ทำมา ให้ซ้อมมาให้ดีๆ และอาจารย์จะนัดเรียนชดเชย แต่ยังไม่มีกำหนดที่แน่นอน

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

เรียนครั้งที่13 25/01/56

วันนี้อาจารย์ให้ส่งงาน mind mapping และแผนการสอนที่ได้ให้ไปแก้ไขมาและสอนในเรื่อง สาระมาตรฐานการเรียนรู้คณิตศาสตร์เด็กปฐมวัย

Mind Mapping ที่ไปด้แก้ไขแล้ว
แผนการสอนอันใหม่
มาตรฐานคณิตศาสตร์ที่ได้เรียนในวันนี้

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

เรียนครั้งที่12 18/01/56

วันนี้อาจารย์ให้นำ mind mapping และแผนการสอน ที่ได้สั่งในอาทิตย์ที่แล้วมาส่ง
อาจารย์ยกตัวย่าง mind mapping กลุ่มของดิฉันเรื่องไข่มาให้เพื่อนๆดู
อาจารย์ได้ให้คำแนะนำในการทำ mind mapping ที่ถูกต้องและเนือ้หาบทใดที่ควรใส่ลงไปใน mind mapping ของเรา มีดังนี้

1.เป็นเรื่องใกล้ตัวเด็ก
2.มีประโยชน์กับเด็ก
3.เรื่องที่เด็กรู้จัก
4.เสริมสร้างพัฒนาการเด็ก
5.เป็นเรื่องที่เด็กเข้าใจได้ง่าย
6.เหมาะสมกับวัยแต่ละวัย
7.มีความสำคัญกับเด้ก
8.มีผลกระทบกับเด็กที่เด็กควรรู้

Mind Mapping และ แผนการสอน หน่วยไข่ 

*เป็นสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเด็กและไม่ไกลตัวเด็กคือสิ่งที่สามารถพบเห็นได้ในกิจวัตรประจำวัน เช่น โรงเรียนของเรา

*งานที่ได้รับมอบหมายในวันนี้อาจารย์ได้ให้ mind mapping ที่ส่งกลับไปแก้ไขให้ถูกต้องและสมบูรณ์

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

เรียนครั้งที่11 11/01/56

วันนี้อาจารย์ให้นำสื่อที่ได้ทำในอาทิตย์ที่แล้วมาส่ง มีทั้งหมด 3 กลุ่มดังนี้

1.ลูกคิด สอนในเรื่องการนับ จำนวน เป็นการสอนในรูปแบบของรูปธรรม เด็กสามารจับต้องได้ สามารถลงมือกระทำได้ เพราะรูปธรรมเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ ซึ่งในสื่อชิ้นนี้เหมาะที่จะสอนกับเด็กเล็กๆเนื่องจากเด็กยังไม่เข้าใจในนามธรรม
- สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเด็กได้คือ ร้อยวันมาเรียนในแต่ล่ะวันของเด็กๆ
ดิฉันได้ออกไปอธิบายขั้นตอนการทำ และการใช้งาน
2.การนำเสนอข้อมูลแบบกราฟ ซึ่งตรงกับมาตรฐานที่6 คือกระบวนการทางคณิตศาสตร์ตรงกับอาจารย์เยาวภาและอาจารย์นิตยาได้ให้นิยามไว้
- สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเด็กได้คือ การหาค่ามากสุดและน้อยสุด เพื่อเปรียบเทียบกัน
ครูบอกว่าให้เก็บรายละเอียดชิ้นงานให้สมบูรณ
3.ปฏิทินวันและเดือน สอนในเรื่องการนับจำนวน การเรียงลำดับ การนับเลขเชิงนามธรรม สัญลักษณ์ และปรมาตร
- สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเด็กได้คือ ใส่จำนวนเด็กที่มาโรงเรียน
ยังมีสิ่งที่ต้องแก้ไขเรื่องความคงทนแข็งแรง
*งานที่ได้รับมอบหมายคือ อาจารย์ให้จับกลุ่ม 5 คนทำ mind mapping หน่วยสาระการเรียนรู้ โดยอาจารย์ยกตัวอย่างเรื่องแตงโมให้ดูคร่าวๆ ซึ่งกลุ่มของดิฉันทำหน่วยไข่ และงานเดี่ยวคือให้เขียนแผนประสบการณ์และเทียบกับมาตรฐานคณิศาสตร์เด็กปฐมวัยโดยแยกออกมา 3 หัวข้อดังนี้
- เนื้อหา
- ตรงกับมาตรฐานการเรียนรู้อะไร
- วิธ๊การสอน

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

*ค้นคว้าเพิ่มเติม สื่อเพื่อพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

สื่อประกอบการจัดกิจกรรม เพื่อพัฒนาทักษะ
คณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

        ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ คือ  ความรู้พื้นฐานเบื้องต้นที่
จะนำไปสู่การเรียนคณิตศาสตร์ ซึ่งเด็กควรจะได้รับประสบการณ์เกี่ยว
กับ การสังเกต การจำแนก การเปรียบเทียบ การเรียงลำดับ การนับ 
การบอกตำแหน่ง  และการวัด  เพื่อเป็นพื้นฐาน  ก่อนที่จะเรียน
คณิตศาสตร์ในชั้นประถม
การจัดการเรียนรู้ทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยหมายถึง การจัดสภาพการณ์ในชีวิตประจำวันของเด็กเป็นฐานการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ซึ่งครูต้องวางแผนการจัดการเรียนรู้เป็นอย่างดี ประกอบด้วยกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้เด็กค้นคว้า แก้ปัญหา พัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์และความคิดรวบยอด ที่เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ เด็กแต่ละวัยจะมีความสามารถเฉพาะ เรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง บรรยากาศการเรียนต้องไม่เคร่งเครียดเด็กรู้สึกสบายๆในขณะเรียน เห็นความสัมพันธ์ของคณิตศาสตร์ในธรรมชาติ บ้าน โรงเรียน กิจกรรมสอดคล้องกับชีวิตประจำวันและเชื่อมโยงกับประสบการณ์เดิมจะช่วยพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์และความคิดรวบยอดได้ดีขึ้น

ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ประกอบด้วยความสามารถต่างๆดังนี้

    1. การจำแนกประเภท
    2. การจัดหมวดหมู่
    3. การเรียงลำดับ
    4. การเปรียบเทียบ
    5. รูปร่างรูปทรง
    6. พื้นที่
    7. การชั่งตวงวัด
    8. การนับ
    9. การรู้จักตัวเลข
    10. รู้จักความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนกับตัวเลข
    11. เวลา
    12. การเพิ่มและลดจำนวน
      จำนวนและตัวเลข เด็กปฐมวัยหากได้เรียนรู้จากการปฏิบัติโดยการใช้สื่อของจริงจะส่งผลให้มีทักษะการรับรู้เชิงจำนวนเนื่องจากธรรมชาติได้สร้างให้สมองของเด็กมีบริเวณที่เกี่ยวข้อง กับการรับรู้เชิงจำนวน ส่วนของสมองอย่างน้อย บริเวณที่เกี่ยวข้องกับทักษะการรับรู้เชิงจำนวน สองส่วนแรกอยู่ที่สมองทั้งซีกซ้ายและขวาเกี่ยวข้องกับสัญลักษณ์ตัวเลข และบริเวณที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเปรียบเทียบจำนวน และบริเวณสุดท้ายอยู่ที่สมองซีกซ้ายคือ ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการนับปากเปล่าและความจำเกี่ยวกับจำนวน การคำนวณ โดยสมองทั้ง ส่วนจะทำงานร่วมกัน พัฒนาการด้านการรับรู้เชิงจำนวนและคณิตศาสตร์เริ่มตั้งแต่ปฐมวัยและพัฒนาเรื่อยไปจนถึงวัยผู้ใหญ่
สื่อและของเล่น จัดเป็นปัจจัยที่สำคัญปัจจัยหนึ่ง สภาพแวดล้อมหนึ่ง ที่มีผลต่อการส่งเสริมพัฒนาการเด็ก สื่อและของเล่นแต่ละประเภท มีส่วนในการพัฒนาเด็กแตกต่างกันไป การเลือกใช้และผลิต จึงเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมทั้งครู จะมีบทบาทในการพิจารณาให้เหมาะสมกับพัฒนาการตามวัยของเด็ก และตรงตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะการนำสื่อและของเล่นมาใช้ประกอบกิจกรรมการเรียนการสอน ดังนั้น การผลิตสื่อและของเล่น สำหรับเด็กปฐมวัย จึงควรคำนึงถึงหลักการผลิต การเลือกใช้ที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เพื่อให้สามารถส่งเสริมพัฒนาการเด็กด้านต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน

สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ตัวกลางหรือช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ทักษะ ประสบการณ์ จากแหล่งความรู้ไปสู่ผู้เรียน และทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ประเภทของสื่อการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอนแบ่งตามคุณลักษณะได้ 4 ประเภทคือ

1. สื่อประเภทวัสดุ ได้แก่สไลด์ แผ่นใส เอกสาร ตำรา สารเคมี สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ และคู่มือการฝึกปฏิบัติ
2. สื่อประเภทอุปกรณ์ ได้แก่ของจริง หุ่นจำลอง เครื่องเล่นเทปเสียง เครื่องเล่นวีดิทัศน์ เครื่องฉายแผ่นใส อุปกรณ์และเครื่องมือในห้องปฏิบัติกา
3. สื่อประเภทเทคนิคหรือวิธีการ ได้แก่การสาธิต การอภิปรายกลุ่ม การฝึกปฏิบัติการฝึกงาน การจัดนิทรรศการ และสถานการณ์จำลอง
4. สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ ได้แก่คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) การนำเสนอด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer presentation) การใช้ Intranet และ Internet เพื่อการสื่อสาร (Electronic mail: E-mail) และการใช้ WWW (World Wide Web)

สื่อการสอนคณิตศาสตร์ ตามแนวคิด และทฤษฎีการเรียนรู้

    สื่อการสอนคณิตศาสตร์ของฟรอเบล
             ฟรอเบล เน้นสร้างสื่อการสอนที่เป็นเครื่องเล่น เพราะจุดเน้นในการจัดการเรียนรู้ของฟรอเบล คือการกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจในการเรียนรู้ ดังนั้น เขาจึงผลิตชุดอุปกรณ์ขึ้นมา 2 ชุด เรียกว่า 1.ชุดของขวัญ หรือ Gift Set 2.ชุดอุปกรณ์การงานอาชีพ สื่อการสอนของเฟอรเบลจะใช้เพื่อพัฒนาความสามารถทางสติปัญญา และกระตุ้นให้เด็กใช้พัฒนาความคิดรวบยอดทางคณิตศาสตร์ได้เป็นอย่างดี
    สื่อการสอนคณิตศาสตร์ของมอนเตสซอรี่
             เน้นส่งเสริมให้เด็กพัฒนาความสามารถ และความสนใจของตนเอง โดยครูเป็นผู้จัดเตรียมสภาพแวดล้อมให้เด็กเกิดการเรียนรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ให้มากที่สุด ซึ่งอุปกรณ์การเรียนรู้ของมอนเตสซอรี่นี้จะกอบด้วยชุดอุปกรณ์การเรียนรู้ 3 กลุ่มได้แก่ 1. กลุ่มประสบการณ์ชีวิต เช่น ร้อยลูกปัด แต่งตัว เช็ดกระจก เป็นต้น 2. กลุ่มประสาทสัมผัส เช่น แยกความแตกต่าง ของสี กลิ่น เสียงได้ 3.กลุ่มวิชาการ เช่นเข้าใจ ตัวเลข สัญลักษณ์
    สื่อการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวคิด ไฮสโคป
            เน้นให้เด็กลงมือกระทำด้วยตนเอง โดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 การให้เด็กเล่นกับวัสดุโดยตรง เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย สื่อการสอนนั้นควรเน้นให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของเด็ก เช่น การจำแนกวัสดุ - สิ่งของ จำนวน เวลา เป็นต้น
    สื่อการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษา
           เน้นการใช้ของจริง และสามารถนำไปใช้เพื่อฝึกทักษะทางคณิตศาสตร์ด้านต่างๆ ได้ เช่น บล็อกต่างๆ สื่อการฝึกนับ รูปทรงเรขาคณิตต่างๆ ปฏิทิน นาฬิกา เป็นต้น

ความสำคัญของสื่อกรสอน
1.สื่อการสอนช่วยสร้างรากฐานที่เป็นรูปธรรมขึ้นในความคิดของผู้เรียน การฟังเพียงอย่างเดียวนั้น ผู้เรียนจะต้องใช้จินตนาการเข้าช่วยด้วย เพื่อให้สิ่งที่เป็นนามธรรมเกิดเป็นรูปธรรมขึ้นในความคิด แต่สำหรับสิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อน ผู้ย่อมไม่มีความสามารถจะทำได้ การใช้อุปกรณ์เข้าช่วยจะทำให้ผู้เรียนมีความเข้าใจและสร้างรูปธรรมขึ้นในใจได้
2. สื่อการสอน ช่วยเร้าความสนใจของผู้เรียน เพราะผู้เรียนสามารถใช้ประสาทสัมผัสได้ด้วยตา หู และการเคลื่อนไหวจับต้องได้แทนการฟังหรือดูเพียงอย่างเดียว
3. เป็นรากฐานในการพัฒนาการเรียนรู้และช่วยความทรงจำอย่างถาวร ผู้เรียนจะสามารถนำประสบการณ์เดิมไปสัมพันธ์กับประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ เมื่อมีพื้นฐานประสบการณ์เดิมที่ดีอยู่แล้ว
4. ช่วยให้ผู้เรียนได้มีพัฒนาการทางความคิด ซึ่งต่อเนื่องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทำให้เห็นความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น เวลา สถานที่ วัฏจักรของสิ่งมีชีวิต
5. ช่วยเพิ่มทักษะในการอ่านและเสริมสร้างความเข้าใจในความหมายของคำใหม่ ๆ ให้มากขึ้น ผู้เรียนที่อ่านหนังสือช้าก็จะสามารถอ่านได้ทันพวกที่อ่านเร็วได้ เพราะได้ยินเสียงและได้เห็นภาพประกอบกัน
          การจะเลือกใช้สื่อในการจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กปฐมวัยนั้น ในเบื้องต้นผู้เลี้ยงดูเด็กจะ ต้องตระหนักและเข้าใจว่าเด็กปฐมวัยเป็นที่เพิ่งเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ที่เป็น พื้นฐานของการปรับตัวเพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม ดังนั้นการจะสอนให้เด็กปฐมวัยมีความรู้ ความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ต้องเข้าใจพื้นฐานพัฒนาการของเด็กว่า เด็กยังแยกแยะสิ่งที่พบเห็นไม่ออก ผู้เลี้ยงดูเด็กควรเลือกใช้สื่อเพื่อเปรียบเทียบให้เด็กเห็นความแตกต่างระหว่างสิ่งต่าง ๆ หรือการสอนความรู้ความเข้าใจเรื่องจำนวน การให้เด็กดูสัญลักษณ์ตัวเลข ควรเป็นเพียงการสร้างความคุ้นเคยเบื้องต้น แต่การสอนให้รู้จักจำนวน ควรใช้สื่อที่เด็กสนใจ 

         การเลือกสื่อการสอนประเภทวัสดุ สื่อการสอนประเภทวัสดุกับเด็กปฐมวัย สื่อประเภทวัสดุมีความสำคัญต่อเด็กปฐมวัย เพราะเป็นเครื่องช่วยในการเรียนรู้ของเด็ก และเป็นสื่อซึ่งก่อให้เกิดความรู้เบื้องต้นแก่เด็กวิชาต่าง ๆ ได้แก่ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย สุขศึกษา ธรรมชาติศึกษา สังคมศึกษา ศิลปะ เพลง ดนตรี จังหวะเคลื่อนไหว และเกมการเล่น วัสดุที่ใช้เป็นสื่อการสอน ได้แก่ วัสดุท้องถิ่น วัสดุเหลือใช้ วัสดุทำขึ้นเอง และวัสดุซื้อมาด้วย ราคาสูง วัสดุท้องถิ่น วัสดุท้องถิ่น หมายถึง สิ่งของที่มีอยู่ในท้องถิ่นตามภูมิประเทศ ซึ่งจะแตกต่างกันไปบ้างในแต่ละภูมิประเทศ วัสดุท้องถิ่นที่เราพบเห็นในท้องถิ่นต่าง ๆ ได้แก่ เปลือกหอย ก้อนหิน ปะการัง ทราย ก้อนแร่ ใบไม้ เม็ดมะกล่ำตาหนู ฟาง รังนก ต้นอ้อ เปลือกมะพร้าว ผลตาลแห้ง ก้านกล้วย ใบตอง ทางมะพร้าว เป็นต้น 

หลักการใช้สื่อการสอน
ผู้สอนจำเป็นต้องมีหลักในการใช้สื่อการสอนตามลำดับดังนี้
1.เตรียมตัวผู้สอน เป็นการเตรียมตัวในการอ่าน ฟังหรือดูเนื้อหาที่อยู่ในสื่อถูกต้อง ครบถ้วน และตรงกับที่ต้องการใช้หรือไม่
2. เตรียมจัดสภาพแวดล้อม โดยการจัดเตรียมวัสดุ เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ ตลอดจนเตรียมสถานที่ห้องเรียนให้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม
3. เตรียมพร้อมผู้เรียน โดยมีความแนะนำหรือให้ความคิดรวบยอดว่าเนื้อหาในสื่อว่าเป็นอย่างไร
4. การใช้สื่อ ต้องใช้สื่อให้เหมาะกับขั้นตอนที่เตรียมไว้แแล้วเพื่อให้ดำเนินการสอนไปได้อย่างราบรื่น
5. การติดตามผล เพื่อทดสอบว่าผู้เรียนเข้าใจบทเรียนและเรียนร้จากสื่อที่เสนอไปนั้นอย่างถูกต้องหรือไม่ ผู้สอนจะได้หาข้อบกพร่องและปรับปรุงแก้ไขในการสอนต่อไป



การเก็บรักษาและซ่อมแซมสื่อ ดำเนินการดังนี้
1. เก็บสื่อให้เป็นระเบียบและเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะประเภทของสื่อ
2. ฝึกให้เด็กหยิบสื่อออกมาใช้ได้เองและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
3. ฝึกให้เด็กรู้ความหมายของรูปภาพหรือสีที่เป็นสัญลักษณ์แทนหมวดหมู่ประเภทของสื่อ เพื่อเด็กจะได้เก็บเข้าที่ได้ถูกต้อง
4. ตรวจสอบสื่อหลังจากที่ใช้แล้วทุกครั้งว่ามีสภาพสมบูรณ์ จำนวนครบถ้วนหรือไม่
5. ซ่อมแซมสื่อชำรุดและทำเติมส่วนที่ขาดหายไปให้ครบชุด การพัฒนาสื่อ การพัฒนาสื่อเพื่อใช้ประกอบการจัดกิจกรรมในระดับก่อนประถมศึกษานั้น ก่อนอื่นควรได้สำรวจข้อมูลสภาพปัญหาต่าง ๆ ของสื่อทุกประเภทที่ใช้อยู่ว่ามีอะไรบ้างที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข เพื่อจะได้ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความต้องการ


แนวทางการพัฒนาสื่อ ควรมีลักษณะเฉพาะดังนี้
1. ปรับปรุงสื่อให้ทันสมัยเข้ากับเหตุการณ์ ใช้ได้สะดวก ไม่ซับซ้อนเกินไป เหมาะสมกับวัยของเด็ก
2. รักษาความสะอาดของสื่อถ้าเป็นวัสดุที่ล้างน้ำได้เมื่อใช้แล้วควรได้ล้างเช็ด หรืปัดฝุ่นให้สะอาดเก็บไว้เป็นหมวดหมู่ วางเป็นระเบียบ หยิบใช้ง่าย
3. ถ้าเป็นสื่อที่ผู้เลี้ยงดูเด็กผลิตขึ้นมาใช้เองและผ่านการทดลองใช้มาแล้ว ควรเขียนคู่มือประกอบการใช้สื่อนั้น โดยบอกชื่อสื่อ ประโยชน์และวิธีใช้ รวมทั้งจำนวนชิ้นส่วนของสื่อในชุดนั้น และเก็บคู่มือไว้ในซองหรือถุงพร้อมสื่อที่ผลิต
4. พัฒนาสื่อที่สร้างสรรค์ ใช้ได้อเนกประสงค์ คือเป็นได้ทั้งสื่อเสริมพัฒนาการ และเป็นของเล่นสนุกสนานเพลิดเพลิน

การประเมินสื่อการสอน
การประเมินการใช้สื่อการสอนมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
1. ประเมินการวางแผนการใช้สื่อ
2. ประเมินกระบวนการการใช้สื่อ
3. ประเมินผลที่ได้จากการใช้สื่อ


 สรุป   อย่างไรก็ดีสื่อการสอนแม้จะสามารถถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ทัศนคติ แนวคิด และทักษะในการพัฒนาเด็กให้มีคุณภาพตามจุดมุ่งหมาย แต่การจะใช้สื่อการสอนสำหรับเด็ก ปฐมวัยให้มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสม กับจุดมุ่งหมายและเนื้อหาสาระ การสอนที่สำคัญที่สุดก็คือ ต้องให้เหมาะสมกับลักษณะและความสามารถหรือพัฒนาการด้าน ร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และจิตใจของเด็กปฐมวัย อีกทั้งยังต้องเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลาง ได้ฝึกปฏิบัติและเรียนรู้ด้วยตนเองให้มากที่สุด

สื่อ การเรียงลำดับรูปภาพ
สื่อ มิติสัมพันธ์แบบซ้อนภาพ

วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

เรียนครั้งที่10 04/01/56

วันนี้อาจารย์ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มทำงานประดิษฐ์สื่อคณิตศาสตร์ที่ได้แบ่งกลุ่มออกเป็น3กลุ่มในคาบที่แล้ว ดังนี้
 - กลุ่มที่1 ประดิษฐ์ลูกคิดจากสิ่งของเหลือใช้ (กลุ่มของดิฉันได้ทำสื่อชิ้นนี้ค่ะ)
- กลุ่มที่2 ประดิษฐ์การนำเสนอข้อมูลแบบกราฟหรือแผนภูมิ
- กลุ่มที่3 ประดิษฐ์ปฏิทินวันและเดือนเพื่อสอนเรื่องการนับจำนวน การเรียงลำดับ การนับเลขเชิงนามธรรม

กำลังเย็บตะขอเพื่อเป็นที่เกี่ยวเชือกลูกคิด
เรานั่งทำกันที่ใต้ตึกคณะศึกษาศาสตร์

อาจารย์กำลังให้คำแนะนำเพิ่มเติ่มในการทำ

อุปกรณ์การทำลูกคิดมีดังนี้ค่ะ
1.ฝาขวดน้ำพลาสติก
2.ฟิวเจอร์บอร์ด 1 แผ่น
3.เชือก
4.ค้อน/ตะปู
5.เข็ม/ได้
6.เทปใส
7.ตะขอ
8.กาวร้อน
9.กระดาษแข็ง

วิธีทำ
1.ใช้ตะปูเจาะรูตรงกลางฝาขวดน้ำ โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร
2.ตัดและกรีดฟิวเจอร์บอร์ดโดยกรีดไม่ให้ทะลุอีกฝั่งตามภาพดังนี้
3.พับฟิวเจอร์บอร์ดเข้าหากันตามรอยกรีด
4.ใช้เทปใสติดฟิวเจอร์บอร์ดให้แน่น
5.แบ่งระยะของกล่องให้ได้ 4 ช่องเพื่อเย็บตะขอไว้เกี่ยวกับเชือกโดยกะระยะห่างให้เท่ากัน
6.ตัดเชือกให้มีความยาวน้อยกว่าฐานเล็กน้อย และมัดปมให้ใใหญ่กว่ารูของฝาขวดน้ำที่เจาะ จากนั้นทำห่วงอีกฝั่งหนึ่งเพื่อใช้เกี่ยวกับตะขอ
7.ทำที่เสียบบัตรตัวเลขข้างหน้าของฐานกล่อง
8.ตัดกระดาษและเขียนตัวเลขลงไป เพื่อใช้กำกับจำนวนฝาขวดน้ำ

เมื่อทำเสร็จจะได้ลูกคิดออกมาดังภาพที่เห็นดังนี้
ลูกคิดที่ได้